วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Sharing

Folder and Printer Sharing การแชร์โฟลเดอร์/เครื่องพิมพ์

                      
The Atmosphere of My 2003 Computer Class at 4th Floor of Building1.
They were energetic and very nice schoolkids I have ever experienced.

บรรยากาศห้องเรียนคอมพิวเตอร์  2546 สมัยยังอยู่ชั้น 4  อาคาร 1 
พวกเขาเป็นเด็กนักเรียนที่ขยันขันแข็ง ตั้งใจเรียน และเป็นเด็กดีมากที่สุดรุ่นหนึ่งเท่าที่ครูเคยเจอ
All of us use Windows7 as the operating software, and our computers are connected together within the workgroup of the LAN (local area network). So we should gain the benefit of its sharing capability. Here we go!
ตอนนี้พวกเราล้วนแล้วแต่ใช้ Windows7 เป็นซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ (ในห้องเรียน และที่บ้านด้วย)  และเครื่องของพวกเราก็เชื่อมต่อกันเป็นเวิร์กกรุ๊ปในระบบแลน  ดังนั้นเราก็น่าจะใช้ความสามารถในการแชร์ทรัพยากรระหว่างกันได้  ลองดูกัน

1. FOLDER SHARING
        การแชร์โฟลเดอร์

Be sure we have to specify what folder that we want to share?  
ต้องระบุโฟลเดอร์ที่ต้องการแชร์



"BOOKS" is the folder of us to be shared.
ฟลเดอร์ "BOOKS" คือโฟลเดอร์ที่เราอยากแชร์

 Make a right clicking with the folder, the dialogue box appears. Select the "Sharing" tab and the "Advanced Sharing" button
คลิกขวาที่โฟลเดอร์  กรอบโต้ตอบจะปรากฏขึ้น  เราก็เลือกแท็บ 
"Sharing" และปุ่ม 
"Advanced Sharing"


Now the folder has never been shared yet (Not Shared)
ตอนนี้โฟลเดอร์นี้มีสถานภาพไม่ได้ถูกแชร์ไว้

 Properties window of the folder appears and we should select to share it with others. Now we can see the maximum number of users to simultaneously enter to the folder is 20. Then we can click on the "Permission" button.
จะปรากฏหน้าต่างพรอพเพอร์ตีส์ (คุณสมบัติ) ของโฟลเดอร์นี้ขึ้นมา  และเราก็ต้องเลือกว่าจะแชร์กัน  และจะเห็นว่า เพื่อนๆ จะเชื่อมต่อเข้ามาใช้โฟลเดอร์ของเราพร้อมกันได้เต็มที่ 20 เครื่อง แค่นั้น  ต่อมาก็เลือกคลิกปุ่ม "Permission"

Tick the check-box, and we can change the share name or ignore it.
ติ๊กเลือกว่าจะแชร์  จะเปลี่ยน/หรือไม่เปลี่ยนชื่อที่จะแชร์ก็ได้

After clicking on the permission button, the Permissions window shows up, you can add any user e.g. "student" and you can change the permission type of the user.
หลังจากคลิกปุ่ม permission  จะมีหน้าต่างโผล่มาให้เราปรับเปลี่ยนตามความต้องการ

We can add user/ specify his permission level.
เราสามารถเพิ่มยูสเซอร์ / ระบุระดับการอนุญาตใช้งานโฟลเดอร์ของเราแก่เขา

Finally click on the "Apply" button, the folder now has been shared. 
เมื่อเราคลิกปุ่ม "Apply" โฟลเดอร์ของเราก็ได้รับการแบ่งปันให้ใช้ร่วมกันได้ในเครือข่ายแล้ว

Well, our folder has been shared.
Folder ของเราได้รับการแชร์กันใช้เรียบร้อยแล้ว

Sample Special
ตัวอย่าง


This is from my computer (Its hostname is "ALPHA00".), when I click on the "Network" (at the left pane of Windows7 "Computer explorer" )  some computer hostnames appears.  Yes, I want to randomly select any hostname. If the target of mine is "KACHATUCH", yes I would make a double-click on it.
นี่เป็นคอมพิวเตอร์ของครูที่ห้องพักครู (โฮสต์เนมว่า ALPHA00)  เมื่อครูคลิกเลือก Network (อยู่ตรงแถบซ้ายของหน้าต่าง Computer explorer ของ Windows7 ก็จะปรากฏโฮสต์เนมต่างๆ ในเครือข่าย  แน่นอนว่า ครูก็คงต้องสุ่มเลือกเข้าไปใช้เครื่องใดสักเครื่อง  ที่ครูเล็งไว้ก็คือเครื่องที่มีโฮสต์เนมว่า Kachatuch

My Target Hostname is "KACHATUCH"
เครื่องที่ครูเล็งไว้คือ โฮสต์เนมที่ชื่อว่า Kachatuch

The shared folders of the hostname will be appeared. Then we can do a random selection and we can find any other subfolders that we can select to use.
ตอนนี้ก็จะเห็นโฟลเดอร์ที่โฮสต์เนม Kachatuch  เราก็คงต้องสุ่มเลือกโฟลเดอร์  แล้วเราก็จะเห็นโฟลเดอร์ย่อยๆ ที่เราสามารถจะเลือกเข้าไปใช้ได้ 

The Shared Folders of "Kachatuch" appears, any folder could be selected.
  If any shared folder had been selected its subfolders would be revealed. 

แชร์โฟลเดอร์ของโฮสต์เนม "Kachatuch" ก็จะปรากฏขึ้นมาให้เห็น เราสามารถเลือกโฟลเดอร์ไดก็ได้
ถ้าแชร์โฟลเดอร์ใดถูกเลือกเข้าใช้ โฟลเดอร์ย่อยๆ ก็จะได้รับการเปิดตัวออกมาให้เห็นฝเลือกใช้ได้



 2. PRINTER SHARING
        การแชร์พรินเตอร์


 Click the "Start button" of Windows7 desktop, the pop-up menu appears, then select "Devices and Printers", the target printer of us will be appeared.
จากปุ่ม Start ของ Windows7 เราก็เลือก "Devices and Printers"  ก็จะเจอพรินเตอร์ที่เราอยากจะแชร์กันใช้

Select the printer

 Make a right click on the printer icon, the select menu will show up, then select "Printers properties" option.  Then we can operate sharing easily.
คลิกขวาที่รูปพรินเตอร์ จะมีป็อปอัพเมนูโผล่ขึ้นมา ให้เราเลือก "Printers properties" ต่อจากนี้ เราก็คงจะปฏิบัติการแชร์พรินเตอร์ได้ไม่ยากแล้ว...

Select : Printer Properties

Click on the "Sharing tab", and we can rename the sharing printer.
เลือกแท็บ Sharing และสามารถเปลี่ยนชื่อพรินเตอร์ที่กำลังจะแชร์ได้ด้วย

Select the Sharing Tab
  
Select to share

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Internet Connection Problems

by  Teacher  Phaitoon  Yaemprasuan   :   occupatech@gmail.com
                                                            http://picta55.blogspot.com

Sometimes the problems caused by unintentional human errors
บางทีนะ  ปัญหาก็เกิดจากความผิดพลาดที่ไม่เจตนาของคนเราเองนี่แหละ

Sometimes Internet connection problem can be our frustration. Rather than pressing F5-key and  trying to reload the website when we experience a problem, here are some ways we can troubleshoot the problem and identify the cause.
 างครั้งปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอาจกลายเป็นเรื่องความคับข้องใจเราได้เหมือนกัน  การกดแป้น F5 และการโหลดเว็บไซต์ใหม่ ก็อาจจะไม่เพียงพอ  แต่ถ้าเราพอจะมีประสบการณ์ในการแก้ปัญหาอยู่บ้าง ปัญหานี้ก็อาจจะคลี่คลายลงได้

Ensure we check the physical connections before getting too involved with troubleshooting. Anyone could have accidentally kicked the router or modem’s power cable or pulled an Ethernet cable out of a socket, causing the problem.
ก่อนอื่น เราต้องแน่ใจก่อนนะว่า กายภาพของการเชื่อมต่อ (the physical connections) ได้แก่ อุปกรณ์ สายสัญญาณ จุดเชื่อมต่อต่างๆ จักต้องอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีใครไปสะดุดสายจนหลุด หรือดึงสายต่างๆ ออก

#    #     #  

Ping


Ping  (wikipedia.org) is a computer network administration utility used to test the reach-ability of a host on an Internet Protocol (IP) network and to measure the round-trip time for messages sent from the originating host to a destination computer.
ping เป็นคำสั่งที่ใช้บริหารจัดการ (administration utility) ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ใช้เพื่อตรวจสอบการเข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีตัวตนจริงหรือโฮสต์ (host) ของเครือข่ายที่ใช้อินเทอร์เน็ตโปรโตคอล  เพื่อจะวัดเวลาของการสื่อสารไป-กลับ ระหว่างคอมพิวเตอร์ต้นทางและปลายทาง

The name comes from active sonar terminology which sends a pulse of sound and listens for the echo to detect objects underwater. 
ชื่อนี้มีที่มาจากโซนาร์ sonar terminology ที่เรือดำน้ำใช้ส่งให้ไปกระทบวัตถุใต้น้ำ แล้วสะท้อนกลับมานั่นเอง

One of the first things to try when our connection doesn’t seem to be working properly is the ping command. Open a Command Prompt window from your "Start button" using the "cmd" command  and type a command like ping google.com .  
 สิ่งแรกที่เราควรทำ เมื่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของเราไม่เวิร์ก ก็คือ การใช้คำสั่ง ping โดยอาจจะเปิดหน้าต่าง command prompt ด้วยคำสั่ง cmd ณ Start Button แล้วพิมพ์คำสั่ง เช่น ping google.com .  

This command sends several packets to the address you specify.
We can see that everything is working fine.
There’s 0% packet loss and the time each packet takes is fairly low.  

คำสั่ง ping จะส่ง packets (ข้อมูลในหน่วยวินาที) ไปยังเครื่องที่เป็นโฮสต์ปลายทาง
จากภาพ จะเห็นว่า คำสั่งทำงานได้ดี  ไม่มีการสูญเสีย packet เลย  คือ ส่งไป 4 ได้คืน 4
และใช้เวลาน้อย 13-25 (เฉลี่ย 18) มิลลิวินาที 


  #    #     #

Modem & Router Issues

 Sometimes our modems or routers can cause the problem of Internet connection. A modem is a device that communicates with your Internet service provider (ISP), e.g. TOT, while the router shares the connection among all the computers and other networked devices in our home network. In my case (and also other students' cases ) , the modem and the router of mine is the same device, so it is called the "modem-router".
 างครั้ง Modem หรือ Router ก็อาจจะเป็นปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของเราก็ได้  
Modem เป็นเครื่องมือในการสื่อสารกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet service provider : ISP)  อาทิ  TOT   สำหรับ Router เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แชร์การเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบโฮมเน็ตเวิร์ก  กรณีของบ้านครูเอง (และบ้านนักเรียนกาญจนาฯ หลายคน) อุปกรณ์สองอย่างนี้จะเป็นตัวเดียวกัน มันเลยถูกเรียกว่า "modem-router"

 Let's take a look at the modem-router. If green lights are flashing on it, that’s normal and indicates network traffic. If we see a steady, blinking orange light, that generally indicates the problem. 
องดูสิว่า  modem-router ของบ้านเรา  มันมีไฟสัญญาณเป็นสีเขียวนิ่งๆ หรือเปล่า? ถ้าใช่ ก็แสดงว่า เครือข่ายโฮมเน็ตเวิร์กบ้านเราทำงานเป็นปกติดีไม่มีปัญหา  แต่ถ้าเราเห็นไฟสัญญาณเป็นสีอำพันกระพริบๆ ก็หมายความว่า โฮมเน็ตเวิร์กมีปัญหาแล้ว


All Green Lights Mean Normality
สัญญาณไฟเขียวตลอดแบบนี้ แสดงว่า ทุกอย่างปกติดี


If the lights indicate that either devices are experiencing a problem, try unplugging them and plugging them back in. This is just like restarting our computer. If we still experience problems, we may need to perform a factory reset on your router (to see its manual)
 ากไฟสัญญาณของ modem-router แสดงว่า มีปัญหา  ขอให้เราลองดึงปลั๊กไฟของมันออก แล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่  ทำแบบนี้ก็ทำนองเดียวกับการที่เรา Restart คอมพิวเตอร์ใหม่นั่นแหละ  หากทำแล้วยังมีปัญหาอยู่  เราก็อาจจะต้องทำการรีเซ็ตอุปกรณ์นี้ใหม่ (ดูคู่มือก่อน) ให้กลับไปเป็นค่าที่ตั้งมาจากโรงงาน


#    #     #

Our Classroom102

What is about the problem when we are in the classroom? Because the IPaddress conflict can be occurred  anytime, so any computer in the classroom102 can be kicked off easily by the gateway computer of the Media Center which we have to lean on.
ปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในห้องเรียนเป็นแบบไหน? ก็เพราะปัญหารหัสไอพีของเครื่องขัดแย้งกัน (IPaddress conflict) สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา  ดังนั้นคอมพิวเตอร์ในห้องเรียน102 ก็มีสิทธิ์จะถูกดีดออกนอกระบบได้ไม่ยากจากเครื่องเกตเวย์ของศูนย์สื่อที่เราต้องพึ่งพาในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนั่นเอง
  
Yes, we cannot connect to the Net directly but always request Internet sharing with the server computer of School Media Center through the local area network.
ใช่เลย  เราไม่ และไม่อาจเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรงได้ นอกจากต้องพึ่งพาเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายของศูนย์สื่อของโรงเรียน  (the server computer of School Media Center)  ผ่านระบบเครือข่ายแลน

There are variety kinds of computer in the classroom102, both old and new, big-name and no-name, useable and unusable 
คอมพิวเตอร์ในห้องเรียน 102 มีหลายจำพวก ทั้งเก่าทั้งใหม่  ทั้งมียี่ห้อและไม่มียี่ห้อ  ที่ใช้ได้ก็มี ที่ใช้ไม่ได้ก็มี


Because any student can log on any computer in our classroom with the administrative account, so he has the full permissions to change/config anything about the network, then any problem can be occurred anytime.
เป็นเพราะนักเรียนสามารถจะล็อกออนเข้าใช้งานคอมพิวเตอร์ด้วยแอ็คเคาท์ของผู้ดูและระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ (the administrative account)  ก็เลยมีสิทธิ์เต็มร้อยที่จะเข้าไปปรับค่าต่างๆ ของระบบเครือข่ายของเครื่อง  ปัญหาก็อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

What/How About Our Home Network is?



I have known from students of my computer classes that the Internet connection at their homes is of TOT provider. Yes, my internet service provider (ISP) is TOT too. What/how is my home network?  The modem-router is the main device of the network because it plays many roles as of the followings : -
   1) to simulate itself like a server computer
   2) to act as a hub/switch of the wired connection
   3) to be an access point sending packets of the wireless connection
   4) to play as an ADSL modem connecting Internet
   5) to be a router managing the how-to connect to other devices
รูทราบจากนักเรียนหลายคนที่เรียนวิชาคอมพิวเตอร์กับครูว่า ที่บ้านของพวกเขามีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ทศท.(TOT) ซึ่งที่บ้านครูก็ใช้บริการของ ทศท.เหมือนกัน  แล้วระบบเครือข่ายที่บ้านเราจะเป็นแบบไหน?  อุปกรณ์หลักก็คือ โมเด็ม-เราเตอร์ (modem-router) ซึ่งอุปกรณ์นี้จะทำหน้าที่หลายบทบาทด้วยกัน คือ
   1) จำลองตัวเองเป็น server computer
   2) เป็น hub/switch ของการเชื่อมต่อแบบใช้สาย
   3) เป็น access point ทำหน้าที่ส่งแพ็คเก็ตส์ในระบบเครือข่ายไร้สาย
   4) เป็น ADSL modem เชื่อมต่อ Internet
   5) เป็น router บริหารจัดการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์/คอมพิวเตอร์อื่นในเครือข่าย

Be sure, most our home network is hybrid. One is wired while another is  wireless. Although home network is not complex, but its system is so smart and its Internet connection is so clever with ADSL technology. The superstar is a "modem-router", the genius device.
โฮมเน็ตเวิร์กที่บ้านส่วนใหญ่เป็นไฮบริด คือ ผสมกันทั้งแบบมีสาย (wired) และแบบไร้สาย (wireless)  แม้ว่าระบบโฮมเน็ตเวิร์กอาจจะดูไม่ซับซ้อนอะไรมาก  แต่ระบบเครือข่ายนี้ก็ไม่ไช่ธรรมดา การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็ทำได้ดีด้วยเทคโนโลยี ADSL และแน่นอนว่า อุปกรณ์อัจฉริยะของระบบก็คือ"modem-router" นั่นเอง
The composition of any home network 
(e.g. home internet connection of students)

     UTP :  Unshielded Twisted Pair cables are so common in any computer rooms  e.g. classroom102 of our school. The UTP cable is caped with a connector which is called RJ-45. The RJ-45 connector will be inserted into the LAN port of any Ethernet card/router/switch/hub. (The RJ-11 connector of the phone line is smaller than RJ-45).
สายเคเบิลแบบยูทีพี (UTP) หรือสายคู่บิดเกลียวไม่หุ้มฉนวน (Unshielded Twisted Pair cables) จะพบได้ทั่วๆ ไปในห้องคอมพิวเตอร์ อาทิ ห้องเรียนคอมพ์102 ในโรงเรียนของเรา  UTP จะถูกเข้าหัวด้วยหัวต่อ หรือคอนเน็กเตอร์ (Connector) ที่เรียกว่า RJ-45  ซึ่งหัวต่อนี้จะถูกเสียบไว้ที่ช่องเสียสายแลน หรือแลนพอร์ต (LAN port)   เราเตอร์ สวิตช์ หรือฮับ  (ขณะที่หัวต่อ RJ-11 ของสายสัญญาณโทรศัพท์จะมีลักษณะเหมือนกัน แต่มีขนาดเล็กกว่า) 

 What is about ADSL? (www.wikipedia.org) : It is "Asymmetric Digital Subscriber Line" technology. This is a data communications technology that enables faster data transmission over copper telephone lines than a conventional modem can provide. (Modem is a device that manages the joint communication between the phone and the computer.)
ADSL คืออะไร? (www.wikipedia.org สารนุกรมเสรี) อธิบายว่า "Asymmetric Digital Subscriber Line" technology.  เป็นเทคโนโลยีโทรคมนาคมที่ทำให้การส่งข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ที่ปกติจะเป็นสายทองแดงนั้น ทำได้ดีมีประสิทธิภาพมากกว่า การใช้โมเด็มธรรมดา (Modem เป็นอุปกรณ์ที่จะทำหน้าที่บริหารจัดการสัญญาณจากโทรศัพท์และสัญญาณจาคอมพิวเตอร์ให้มาทำงานร่วมกันได้)


Another one I would like to refer to is "protocol". What is it? A protocol is a system of digital message formats and rules for exchanging those messages in or between computing systems and in telecommunications. And in our network we use the TCP/IP (comes from "Transmission Control Protocol and Internet Protocol). Now Thailand uses IPv4 protocol, but Thai government by Prime Minister Yingluck  Shinawatra is going to change the Internet protocol of the country with another version, IPv6 protocol, which has more capacity and efficiency of transmission.  
 ละมีอีกเรื่องที่ครูอยากจะพูดถึงก็คือ "โปรโตคอล" มันคืออะไร?  ถ้่าจะว่าไปนะ คำๆ นี้ มันเป็นภาษาที่ใช้ในวงการฑูตเขา คือกรณีที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารกันระหว่างพวกฑูตของประเทศต่างๆ เขาก็จะต้องมีวิธีการ มาตรฐาน ระบบระเบียบต่างๆ ที่เข้าใจตรงกัน และเขาเรียกว่า protocol ทางวงการคอมพิวเตอร์ก็ไปขอยืมคำศัพท์ของเขามาใช้บ้าง  โปรโตคอลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (www.wikipedia.org) ก็คือ ระบบของรูปแบบข่าว สารเชิงดิจิตอลและกติกา ของการแลกเปลี่ยนกันระหว่างระบบคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม  ซึ่งทุกวันนี้ โปรโตคอลที่เราใช้ในเครือข่ายนั้น คือ ทีซีพี/ไอพี (โปรโตคอลควบคุมการส่งข้อมูล และอินเทอร์เน็ตโปรโตคอล)  และ ตอน นี้รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ ฯพณฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  ก็กำลังปรับเปลี่ยนอินเทอร์เน็ตโปรโตคอลของประเทศเรา ที่ขณะนี้เป็นเวอร์ชัน 4 ให้เป็นเวอร์ชั่น 6  เพื่อรองรับปริมาณของเครือข่าย และประสิทธิภาพที่ขยายเพิ่มขึ้น 

Because each computer of the network has its own unique "IP-address", what/how is it? As I have just told you (see, first paragraph) that the modem-router simulates itself like a server computer, sure its IPaddress must be static, e.g. (IPv4) 192.168.2.1, 192.168.1.1, 192.168.0.1 etc. , on the other hand it lets the other connected computer the dynamic/automatic IPaddress. Yes, the modem-router of the home network is the gateway to Internet.

พราะเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ฃะเครื่องในระบบเครือข่าย ต่างก็มีรหัสไอพี (IP-address) เฉพาะตัวไม่ซ้ำกัน  เหตุไฉน/อย่างไร?  ก็ตามที่ึรูได้กล่าวไปแล้วว่า  modem-router จะจำลองตัวมันเองเป็นเสมือน server computer  แน่นอนว่า ตัวมันเองก็จะต้องมีรหัสไอพีที่แน่นอนตายตัว อาทิ (ถ้าดูตาม IPv4)  192.168.2.1, 192.168.1.1, 192.168.0.1 ประมาณนี้  ในอีกทางหนึ่งมันก็ยอมให้เครื่องอื่นๆ ที่เป็นลูกข่าย/ลูกน้อง ที่มาเชื่อม่อเครือข่ายกับมันมีรหัสไอพีแบบอัตโนมัติ  ส่วนจะเป็นอะไรนั้นก็แล้วแต่มันจะจัดให้  แต่ก็มักจะเป็นรหัสที่ต่อเนื่องกับตัวมันนั่นแหละ  อาทิ 192.168.2.3 เป็นต้น เพราะตัวมันเองเป็นเครื่องเกตเวย์ 
Teacher's home network PC/Modem-router IPaddress Configuration
use the "IPCONFIG" command to see what/how my home PC/modem-router IPaddress configuration by typing the command at the command line of Windows and what I knows are the followings 
... 192.168.2.1  is the IPaddress (IPv4) of my modem-router, Belkin brand.
... 192.168.2.3  is the IPaddress (IPv4) of my PC, configured by the modem-rounter 

รูได้ใช้คำสั่ง ณ คอมมานด์ไลน์ของ Windows7 ว่า  IPCONFIG  เพื่อต้องการทราบว่า  รหัสไอพีของเครื่องคอมพิวเตอร์ และโมเด็ม-เราเตอร์ที่บ้่านมีค่าอะไร ก็พบว่า
... 192.168.2.1  เป็นรหัส IPaddress (IPv4) ของ modem-router, ยี่ห้อ Belkin 
... 192.168.2.3  เป็นรหัส IPaddress (IPv4) ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่จัดให้/กำหนดให้โดย modem-rounter 

Yes, each other computer in the network can never be configured with a static IPaddress because the modem-router as the server PC/the gateway PC cannot share Internet connection anyway.
ใช่เลย คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ในระบบโฮมเน็ตเวิร์ก มิอาจมีค่ารหัสไอพีแบบคงตัวได้  เพราะมันจะต้องถูกตั้งเป็นอัตโนมัติไว้ให้  modem-router ในฐานะเป็น server PC/the gateway PC เป็นตัวกำหนด  ถ้าไม่เช่นนั้น  มันจะไม่สามารถแชร์การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมาให้ได้นั่นเอง

Computer Network

Computer Network คืออะไร
Computer Network คือระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึงการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปเข้าด้วยกันด้วยสายเคเบิล หรือสื่ออื่นๆ ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถรับส่งข้อมูลแก่กันและกันได้ ในกรณีที่เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลาง เราเรียกคอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนย์กลางนี้ว่า โฮสต์ (Host) และเรียกคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่เข้ามาเชื่อมต่อว่า ไคลเอนต์ (Client/Terminal)  
     ระบบเครือข่าย (Network) จะเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเพื่อการติดต่อสื่อสาร   เราสามารถส่งข้อมูลภายในอาคาร หรือข้ามระหว่างเมืองไปจนถึงอีกซีกหนึ่งของโลก   ซึ่งข้อมูลต่างๆ อาจเป็นทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง ก่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็วแก่ผู้ใช้   ซึ่งความสามารถเหล่านี้ทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์มีความสำคัญ และจำเป็นต่อการใช้งานในแวดวงต่างๆ 
     รูปแบบของเน็ตเวิร์คแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ ดังนี้
1. LAN (Local Area Network) เป็นกลุ่มของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันในพื้นที่จำกัด เช่นภายในตึกสำนักงาน หรือภายในโรงงาน ส่วนมากจะใช้สายเคเบิ้ลในการติดต่อสื่อสารกัน
2. MAN (Metropolitan Area Network) เป็นการนำระบบ LAN หลายๆ LAN ที่มีพื้นที่อยู่ใกล้เคียงกันมาเชื่อมต่อกัน ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่นเชื่อมต่อกันในเมือง หรือในจังหวัด เป็นต้น
3.WAN (Wide Area Network) เป็นกลุ่มของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันแบบกว้างขวาง อาจจะเป็นภายในประเทศ หรือระหว่างประเทศเป็นการใช้ หลายๆ LAN หรือหลายๆ MAN ซึ่งอยู่คนละพื้นที่ เชื่อมต่อเข้าหากัน เช่น สำนักงานที่ New York เชื่อมต่อกับที่ London การติดต่อสื่อสารกัน อาจจะใช้ตั้งแต่สายโทรศัพท์จนกระทั่งถึงดาวเทียม
    -อาจจะมีอีกประเภทหนึ่ง คือ SAN (Small Area Network) เป็นกลุ่มของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันในพื้นที่ขนาดเล็กมาก อาจจะเป็นในบ้าน หรือสำนักงานขนาดเล็กที่มีจำนวนของคอมพิวเตอร์ไม่ควรจะเกิน 10 เครื่อง

Figure 1   What is Computer Network  เครือข่ายคอมพิวเตอร์คืออะไร

Figure 2  Computer Network classified by Area Width
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ จำแนกตามขนาดของพิ้นที่


Figure 3  Types of Network Topology
รูปแบบการเชื่อมต่อของเครือข่าย


Figure 4   Star/Extended Star Topology
รูปแบบการเชื่มต่อแบบสตาร์ และแบบสตาร์หลายๆ กลุ่ม

Figure 5   The Client-Server Network What/How
เครือข่ายแบบ แม่ข่าย-ลูกข่าย

::      ::      ::

What/How of the Network in Comp102 Classroom?

เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ห้องเรียนคอมพ์102 เป็นแบบไหน/อย่างไร


Because the operating software (OS) of all computers in classroom-102 is Windows7, so any students who use them, those machines, should better understand how they work, especially how to use the network of them.

พราะซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ (โอเอส) ของคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในห้องเรียน 102 คือ Windows7 ดังนั้นนักเรียนก็น่าจะต้องรู้ว่า มันมีวิธีการทำงานอย่างไร โดยเฉพาะระบบเครือข่าย 

Our computers in comp102 classroom are connected together with the UTP (unshielded twisted pair) cables. Why? Because the unshielded cables are lower cost than the shielded cables which have been used in the signal noisy areas e.g.  airports, factories, etc. The style of their connection is "Star Topology" which each machine has its own cable which connects directly to the hub/switch.  A hub/switch is the center point of cables (both devices are similar to each other but a switch is more clever than a hub) . Well our network is called Local Area Network (LAN). Any LAN must has its workgroup name which required by the Operating System (OS) of each computer, Windows7 . But the administrator(the teacher) of this LAN  named it "comp2" workgroup. 

ครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องเรียน 102 เชื่อมต่อด้วยสายเครือข่ายแบบ สายคู่บิดเกลียวไม่หุ้มฉนวน หรือสายยูทีพี ทำไมต้องเป็นสายแบบนี้?  เพราะราคาสายแบบนี้มันถูกกว่า สายเคเบิลแบบหุ้มฉนวน ที่ใช้กันในพื้นที่ที่มีการรบกวนสัญญาณมาก เช่น โรงงานในนิคมอุตสาหกรรม  ท่าเรือ ท่าอากาศยาน ฯลฯ และการที่ต้องบิดเป็นเกลียวก็เพื่อให้ป้องกันการรบกวนสัญญาณนั่นเอง  ซึ่งรูปแบบหรือโทโพโลยีของการต่อระบบแลน จะเป็นแบบสตาร์โทโพโลยี  นั่นคือเครื่องทุกเครื่องก็จะมีสายเคเบิลเป็นของตนเองไปโยงกับฮับ/สวิตช์ ที่ถือว่าเป็นจุดรวมศูนย์ของสายเคเบิลนั่นเอง (ทั้งสองอุปกรณ์ทำหน้าที่เหมือนกัน แต่สวิตช์จะมีความสามารถในการจัดการมากกว่า เช่น สายใดที่ไม่มีการเชื่อมต่อ สวิตช์มันก็จะตัดออกจากระบบ เป็นต้น)  ระบบเครือข่ายของเราเรียกว่า แลน  โดยแลนแต่ละวงจะต้องมีการกำหนดชื่อ เวิร์กกรุ๊ป ซึ่งของห้องเรียน 102 ครูผู้สอนกำหนดชื่อว่า comp2 


The Teacher Teaches About Programming Using C-Language in Comp102 Classroom
ครูผู้สอน ขณะกำลังสอนเกี่ยวกับการโปรแกรมด้วยภาษาซี ณ ห้องเรียนคอมพ์102

::      ::      ::


If we consider only the "comp2-workgroup LAN", it is a peer-to-peer network that every machine is independent from each other but shares its files/folders/printers to its peers. On the other hand, when this workgroup connects to the server computer of "the School Media Center", it must be a client-server network. 

ถ้าพิจารณาเฉพาะเครือข่ายห้องเรียนคอมพ์102 มันจัดว่าเป็น เครือข่ายแบบ-เพื่อน-ถึง-เพื่อน หรือ peer-to-peer  นั่นหมายถึงว่า คอมพิวเตอร์แต่ละเครืองในวงแลนจะเป็นอิสระจากกันและกัน เพียงแต่มาร่วมกลุ่มกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกันในหมู่เพื่อนแค่นั้น  ในอีกทางหนึ่ง หากนำเอาวงแลนนี้ไปต่อเชื่อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย หรือ server computer ที่อยู่ในห้องศูนย์สื่อ ของโรงเรียน  เครือข่ายก็จะกลายเป็นแบบ "แม่ข่าย-ลูกข่าย" หรือServer-Client Network


What is about the client-server network? It means that the server computer of "the Media Center" is the manager/boss of other computers which are only the clients. The server computer has been installed with the operating-software-for-server such as Windows2003server/Windows2008server , Linux or  Unix, which can manage the client computers of the network. The clients have to obey the server because the latter has the power to control/ban the former. Yes, the clients can never control/manage the server.
 ครือข่ายแบบ Server-Client Network เป็นแบบใด? ก็หมายความว่า เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server) ของศูนย์สื่อคือ ผู้จัดการ/นาย ของเครื่องอืนๆ ที่มีสถานะเป็นแค่ลูกน้อง หรือClient แค่นั้น  การที่เครื่องเซิร์ฟเวอร์สามารถบริหารจัดการเครืองลูกข่ายของมันได้นั้น เพราะมันได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการแบบแม่ข่ายเอาไว้นั่นเอง อาทิ Windows2003server/Windows2008server , Linux หรือ  Unix ซึ่งเครื่องลูกข่ายจะต้องยอมให้ตนเองถูกจัดการได้ เพราะซอฟต์แวร์ระบบของเครื่องแม่ข่ายสามารถควบคุม/สั่งแบน เครื่องอื่นๆ ได้  ในขณะที่เครื่องอื่นๆ ไม่สามารถบริหารจัดการเครื่องเซิร์ฟเวอร์ได้นั่นเอง  

Every machine in the network is required to have its unique "hostname" and "IP address".  Only the server computer has the "static IP-address" while the IP addresses of the client computers are "dynamic" specified/controlled by the sever. If the user of any client computer specify the static IP address himself, the server computer can never share the Internet connection because the "IP address conflict" problem could be occurred easily. Then the alien client will be kicked off /faded away from the network simultaneously. Yes, the server computer is the "Internet gateway" of the network.

อมพิวเตอร์ทุกเครื่องต้องมีชื่อเฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำใคร เรียกว่า Hostname  และต้องมีรหัสหมายเลขเครื่องกำกับไว้ เรียกว่า IP-address  และในเครือข่ายแลนก็จะมีแค่เพียงเครื่องแม่ข่ายหรือเซิร์ฟเวอร์เท้านั้น ที่มีรหัสไอพีแอสเดรสแบบคงที่ เรียกว่ามี static IP-address   ขณะที่ไอพีแอสเดรสของคอมพิวเตอร์ลูกข่ายทั้งหลาย จะไม่คงที่ หรือDynamic  ส่วนจะเป็นรหัสไอพีอะไรนั้น เครื่องเซิรฟเวอร์จะเป็นตัวจัดการให้เอง โดยยึดหลัก FIFO (First In, First Out) ก็หมายความว่า เครื่องลูกข่ายตัวไหนเชื่อมต่อกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ก่อนก็จะๆด้รับการจ่ายรหัสไอพีให้ก่อน-หลัง ตามลำดับไป  แต่ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายตัวไหนไปดำเนินการกำหนดรหัสไอพีแอสเดรสของตัวเองเป็นแบบคงที่ละก็ คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นๆ ก็จะถูกเครื่องเซิร์ฟเวอร์เฉดหัวออกไปจากระบบ มิเช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดปัญหารหัสไอพีชนกันได้ในระบบ และเครื่องเซิร์ฟเวอร์ในฐานะเกตเวย์หรือทางออกสู่อินเทอร์เน็ตของระบบ ก็จะไม่ยอมแบ่งปันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้กับเครื่องนั้นๆ 

OK., after selecting the "Local Area Network" option, the "Local Area Network Connection Status" window appears. You can see its speed of packets transmission (100 Mbps) , bytes of the sent/received packets. 

ลังจากที่นักเรียนเลือก  "Local Area Network" หน้าต่างที่ชื่อ "Local Area Network 
Connection Status" ก็จะโผล่หน้ามาให้ยล ตรงนี้แหละนักเรียนก็จะเห็นได้ว่า ความเร็วของเครือข่ายเราขนาดไหนในการส่งแพ็คเก็ตส์ (จำนวนบิตของข้อมูลในหน่วยวินาที) ความเร็วระดับมดวิ่งนั่นแหละ แค่สัก 100 ล้านบิตต่อวินาที อย่าลืมว่า ตั้ง 8 บิต จึงจะได้ไบต์ 





Then, when you click on the "Properties" button, another window shows. To find and select the "Internet Protocol Version) option, you can see its IPaddress has been obtained automatically by the gateway/server computer (of the School Media Center).

ต่อจากนั้นเราก็คลิกปุ่ม properties เราจะพบว่า เครื่องลูกข่ายที่เราใช้อยู่ จะถูกจ่ายรหัสไอพีให้แบบอัตโนมัติ ตามที่กล่าวมาแล้ว (ถ้าจะปรับเป็นรหัสคงที่ก็ต้องมาปรับตรงนี้) แต่ปกติจะตั้งไว้ตามรูปนั่นแหละ 

  

::      ::      ::

Another one I would like to refer to is "protocol". What is it?  protocol (www.wikipedia.org) is a system of digital message formats and rules for exchanging those messages in or between computing systems and in telecommunications.  And in our network we use the TCP/IP (comes from "Transmission Control Protocol and Internet Protocol).  Now Thailand uses IPv4 protocol, but Thai government by Prime Minister Yingluck Shinawatra is going to change the Internet protocol of the country with another version, IPv6 protocol, which has more capacity and efficiency of transmission. 
โปรโตคอลคืออะไร
ในการสื่อสารทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จำต้องมีการสื่อสารข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบ ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่ออยู่ในเครือข่ายเดียวกันนี้ อาจจะมีฮาร์ดแวร์,ซอฟท์แวร์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อทำการส่งข้อมูลถึงกันและตีความหมายได้ตรงกัน จึงต้องมีการกำหนดระเบียบวิธีการติดต่อให้ตรงกัน โปรโตคอล ( Protocol ) คือระเบียบวิธีที่กำหนดขึ้นสำหรับการสื่อสารข้อมูล โดยสามารถส่งผ่านข้อมูลไปยังปลายทางได้อย่างถูกต้อง ซึ่งตัวโปรโตคอลที่นิยมใช้ในปัจจุบันคือ TCP/IP นอกจากนี้ยังมีการออกแบบโปรโตคอลตัวอื่นๆขึ้นมาใช้งานอีก เช่น โปรโตคอล IPX/SPX,โปรโตคอล NetBEUI และ โปรโตคอล Apple Talk
โปรโตคอล IPX/SPX
ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Novell ซึ่งทำการพัฒนามาจากตัวโปรโตคอล XNS ของบริษัท Xerox Corporation ซึ่งโครงสร้างเมื่อทำการเปรียบเทียบ
กับ OSI Model ดังรูป
ตัวโปรโตคอล IPX/SPXแบ่งออกเป็น 2 โปรโตคอลหลักคือ Internetwork Packet Exchange   ( IPX) และ Sequenced Packet Exchange (SPX) โดยโปรโตคอล IPX ทำหน้าที่ในระดับ network layer ตามาตรฐาน OSI Model มีกลไกการส่งผ่านข้อมูลแบบ connectionless,unrerelibleหมายความว่า เมื่อมีการส่งข้อมูล โดยไม่ต้องทำการสถาปนาการเชื่อมต่อกันระหว่าง host กับเครื่องที่ติดต่อกันอย่างถาวร ( host , เครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการใดๆในเครือข่าย ) และไม่ต้องการรอสัญญานยืนยันการรับข้อมูลจากปลายทาง โดยตัวโปรโตคอลจะพยายามส่งข้อมูลนั้นไปยังปลายทางให้ดีที่สุด สำหรับโปรโตคอล SPX ทำหน้าที่ในระดับ transport layer ตามมาตรฐาน OSI Model โดยส่งผ่านข้อมูลตรงข้ามกับโปรโตคอล IPXคือ ต้องมีการทำการสถาปนาการเชื่อมโยงกันก่อนและมีการส่งผ่านข้อมูลที่เชื่อถือได้ ด้วยการตรวจสอบสัญญาณยืนยันการรับส่งข้อมูลจากปลายทาง
โปรโตคอล NetBEUI
โปรโตคอล NetBEUI หรือ NetBIOS Enhanced User Interface นั้น เป็นโปรโตคอลที่ไม่มี ส่วนในการระบุเส้นทางส่งผ่านข้อมูล (Non-routable Protocol)โดยจะใช้วิธีการ Broadcast ข้อมูลอกไปในเครือข่าย และหากใครเป็นผู้รับที่ถูกต้องก็จะนำข้อมูลที่ได้รับไปประมวลผล ข้อจำกัดของโปรโตคอลประเภทนี้ก็คือไม่สามารถทำการ Broadcast ข้อมูลข้ามไปยัง Physical Segment อื่นๆที่ไม่ใช่ Segment เดียวกันได้ เป็นการแบ่งส่วนของเครือข่ายออกจากกันทางกายภาพ หากต้องการเชื่อมต่อเครือข่ายถึงกันจะต้องใช้อุปกรณ์อย่างเช่น Router มาทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างเครือข่าย
เนื่องมาจากอุปกรณ์บางอย่างเช่น Router ไม่สามารถจะ Broadcast ข้อมูลต่อไปยังเครือข่ายอื่นๆได้ เพราะถ้าหากยอมให้ทำเช่นนั้นได้ จะทำให้การสื่อสารระหว่างเครือข่ายคับคั่งไปด้วยข้อมูลที่เกิดจากการ Broadcast จนเครือข่ายต่างๆไม่สามารถที่จะสื่อสารกันต่อไปได้ โปรโตคอล NetBEUI จึงเหมาะที่จะใช้งานบนเครือข่ายขนาดเล็กที่มีจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่เกิน 50 เครื่องเท่านั้น NetBEUI เป็นหนึ่งในสองทางเลือกสำหรับผู้ใช้งาน NetBIOS ( Network Basic Input Output System ) ซึ่งสามารถทำงานได้ทั้งบนโปรโตคอล TCP/IP และ NetBUEI
โปรโตคอล AppleTalk
จุดเริ่มต้นของโปรโตคอล AppleTalk เกิดขึ้นในปีค.ศ.1983 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัท Apple Computer ต้องการออกแบบชุดโปรโตคอลสื่อสารข้อมูลของตนเองขึ้น เพื่อใช้เชื่อมโยงเครือข่ายของเครื่องแบบแมคอินทอช และสามารแชร์กับอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังขยายไปสู่การเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายของเซิร์ฟเวอร์,เครื่องพิมพ์, Gateway และ Router ของผู้ผลิตรายอื่นๆด้วยต่อจากนั้นเครื่องแมคอินทอชและอุปกรณ์ต่างๆที่บริษัทผลิตออกมาก็ได้มีการเพิ่มส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ให้สามารถรองรับโปรโตคอลตัวนี้ได้ รวมถึงระบบปฏิบัติการ MacOS รุ่นใหม่ๆก็ได้มีการผนวกฟังก์ชั่นให้รองรับโปรโตคอลตัวนี้ได้เช่นกัน ทำให้กลุ่มผู้ใช้เครื่องแมคอินทอชสามารถเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายได้ง่ายโดยไม่ต้องไปหาซื้อ อุปกรณ์เพิ่มเติมอีก
โปรโตคอล Apple Talk ถูกออกแบบมาให้ทำงานเป็นเครือข่ายในแบบ peer-to-peer ซึ่งถือว่าเครื่องทั้งหมดที่เชื่อมต่ออยู่ในเครือข่ายสามารถเป็นเซิร์ฟเวอร์ได้ทุกเครื่องโดยไมต้องจัดให้บางเครื่องทำหน้าที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการโดยเฉพาะขึ้นมา ต่อมาปีค.ศ. 1989 ได้มีการพัฒนาโปรโตคอล AppleTalk ให้สนับสนุนเครือข่ายที่ใหญ่มากขึ้นได้ สามารถมีเครื่องลูกข่ายและอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อในเครือข่ายได้มากกว่าเดิมเรียกว่าเป็นโปรโตคอล Apple Talk Phase 2 นอกจากนี้ยังเพิ่มโปรโตคอลที่ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายแบบ Ethernet และ Token Ring ได้ โดยเรียกว่า EtherTalk และ TokenTalk ตามลำดับ
โปรโตคอลTCP/IP ( RFC1180 )
โปรโตคอล TCP/IP เป็นชื่อเรียกของชุดโปรโตคอลที่สำคัญ มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายตามการขยายตัวของอินเทอร์เนท/อินทราเนท ความจริงแล้วโปรโตคอล TCP/IP เป็นกลุ่มของโปรโตคอล หลายตัวที่ประกอบกันเป็นชุดให้ใช้งานโดยมีคำเต็มว่าTransmission Control Protocol /Internet Protocol ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีโปรโตคอลประกอบกันทำงาน 2 ตัว คือ TCP และ IP
ตัวอย่างของกลุ่มโปรโตคอลในชุดของ TCP/IP ที่เราพบและใช้งานบ่อยๆ ( ส่วนใหญ่จะไม่ได้ใช้งานโดยตรง แต่จะใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆหรือทำงานโดยอ้อม เช่น Internet Protocol,Address Resolution Protocol(ARP) ,Internet Control Message Protocol (ICMP) ,User Datagram Protocol (UDP) ,Transprot Control Protocol (TCP) และ Simple Mail Transfer Protocol (SMTP)
โปรโตคอลที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานในเครือข่ายอินเทอร์เนทคือ Internet Protocol (โปรโตคอล IP) เนื่องจากเมื่อโปรโตคอลอื่นๆต้องการส่งผ่านข้อมูลข้ามเครือข่ายในอินเทอร์เนทนั้น จะต้องอาศัยการผนึกข้อมูล ไปกับโปรโตคอล IP ที่มีกลไกการระบุเส้นทาง ผ่าน Gateway หรือ
Router เพื่อนำข้อมูลไปยังเครือข่ายและเครื่องปลายทางที่ถูกต้อง เนื่องจากกลไกการระบุเส้นทางจะทำงานที่โปรโตคอล IP เท่านั้นและด้วยเหตุนี้เราจึงเรียก ว่าเป็นโปรโตคอลที่มีความสามารถในการระบุเส้นทางการส่งผ่านของข้อมูลได้(Routable)
การที่เครื่องคอมพิวเตอร์จะสามารถสื่อสารกันได้จำต้องมีการระบุแอดเดรสที่ไม่ซ้ำกัน เพราะไม่เช่นนั้นข้อมูลที่ส่งอาจจะไม่ถึงปลายทางได้ ซึ่งแอดเดรสจะมีข้อกำหนดมาตรฐาน ซึ่งในการใช้งานโปรโตคอล TCP/IP ที่เชื่อมโยงเครือข่ายนี้ จะเรียกว่า IP Address ( Internet Protocol Address )และ ตอนนี้รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ ฯพณฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  ก็กำลังปรับเปลี่ยนอินเทอร์เน็ตโปรโตคอลของประเทศเรา ที่ขณะนี้เป็นเวอร์ชัน 4 ให้เป็นเวอร์ชั่น 6  เพื่อรองรับปริมาณของเครือข่าย และประสิทธิภาพที่ขยายเพิ่มขึ้น